The iceberg of Malpractice
คดีที่พิพากษาแล้วว่าเป็น
"malpractice"
ลองพิจารณาดู
iceberg modelง่ายๆกัน
[Clinical vignette]
case "epistaxis BP 230/120 ยังรู้เรื่องอยู่" จนต่อมาอีก 15 นาที >>> arrest ในER : asystole no pulse ...พยาบาลตามมาดูcase 4 ครั้ง แล้วมาช้า และ พอมาถึงER ให้ atropine ไปทั้งหมด 5 amp + CPR ตามเรื่องตามราวไป สุดท้ายตาย ญาติไม่พอใจ จึงวีนกันในER
>>> malpractice ชัวร์ๆ เพราะ มีหลักฐานทั้ง ประจักษ์พยาบาล(ประจักษ์พยาน) และ nurse note ...ผิด 100 %
>>> ดู iceberg model ของ contributing factors of malpractice ง่ายๆตามนี้
10% >>> อยู่เหนือน้ำและเราเห็นว่าเค้าผิด
90% >>> อยู่ใต้น้ำ เรามองไม่เห็น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
10% = หมอมาช้า, หมอให้atropine ทั้งที่ไม่มี pulse และให้ตั้ง 5 amp [ให้ 5 amp นั้นผิด, ถ้าผู้ป่วยรอดก็คงตายจาก atropine 5 amp เนี้ยแหละ], พยาบาลตาม 4 รอบแล้ว, ด่าพยาบาลด้วย
90% = case malpracticeที่ศาลตัดสินแล้วทั้งในและต่างประเทศ มักอาจจะมี underlying factor ที่ส่งผลทำให้เกิด malpractice เช่น
A. อยู่เวรมา 48 ชม แล้ว
B. การเป็นinternเมื่อ 8 ปีก่อน ทำให้หมอเค้ากลายเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด วีนแตกได้ง่าย ไรงี้จากเมื่อก่อนติ๋มๆ ใจเย็น ทำบุญ ปล่อยวาง ไม่ใจร้อน
C. 6 วันก่อน แฟนบอกเลิก เพราะ ทะเลาะกันบ่อย อยู่ไกลกัน 600 km
D. เป็น sinusitis มา 1 อาทิตย์แล้ว
E. โดนญาติคนไข้เด็กด่า / ต่อว่ามาก่อนเมื่อกี้ : "หมอห่าอะไรแมร่ง ไม่ดูคนไข้เลย ลูกฉันโดนงูกัดมา ไม่เห็นทำห่าไรให้เลย เซรุ่มแแก้พิษงูอ่ะ หมอไม่รู้จักใช่มั๊ย ส่งสัยท่าทางจะจบหมอมาจากเขมรแน่ๆ กลับไปเป็นหมอเขมรดีกว่านะ แค่เซรุ่มแก้พิษงูยังไม่รู้จัก"
G. หมออึอยู่ ท้องเสีย ตั้งแต่เมื่อคืน + moderate dehydration pulse 110/min แต่ต้องอยู่รับเวรเพราะต้อง ผ่อนรถและคอนโด
>>> malpractice ชัวร์ๆ เพราะ มีหลักฐานทั้ง ประจักษ์พยาบาล(ประจักษ์พยาน) และ nurse note ...ผิด 100 %
>>> ดู iceberg model ของ contributing factors of malpractice ง่ายๆตามนี้
10% >>> อยู่เหนือน้ำและเราเห็นว่าเค้าผิด
90% >>> อยู่ใต้น้ำ เรามองไม่เห็น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
10% = หมอมาช้า, หมอให้atropine ทั้งที่ไม่มี pulse และให้ตั้ง 5 amp [ให้ 5 amp นั้นผิด, ถ้าผู้ป่วยรอดก็คงตายจาก atropine 5 amp เนี้ยแหละ], พยาบาลตาม 4 รอบแล้ว, ด่าพยาบาลด้วย
90% = case malpracticeที่ศาลตัดสินแล้วทั้งในและต่างประเทศ มักอาจจะมี underlying factor ที่ส่งผลทำให้เกิด malpractice เช่น
A. อยู่เวรมา 48 ชม แล้ว
B. การเป็นinternเมื่อ 8 ปีก่อน ทำให้หมอเค้ากลายเป็นคนใจร้อน ขี้หงุดหงิด วีนแตกได้ง่าย ไรงี้จากเมื่อก่อนติ๋มๆ ใจเย็น ทำบุญ ปล่อยวาง ไม่ใจร้อน
C. 6 วันก่อน แฟนบอกเลิก เพราะ ทะเลาะกันบ่อย อยู่ไกลกัน 600 km
D. เป็น sinusitis มา 1 อาทิตย์แล้ว
E. โดนญาติคนไข้เด็กด่า / ต่อว่ามาก่อนเมื่อกี้ : "หมอห่าอะไรแมร่ง ไม่ดูคนไข้เลย ลูกฉันโดนงูกัดมา ไม่เห็นทำห่าไรให้เลย เซรุ่มแแก้พิษงูอ่ะ หมอไม่รู้จักใช่มั๊ย ส่งสัยท่าทางจะจบหมอมาจากเขมรแน่ๆ กลับไปเป็นหมอเขมรดีกว่านะ แค่เซรุ่มแก้พิษงูยังไม่รู้จัก"
G. หมออึอยู่ ท้องเสีย ตั้งแต่เมื่อคืน + moderate dehydration pulse 110/min แต่ต้องอยู่รับเวรเพราะต้อง ผ่อนรถและคอนโด
H. ไม่มีเวลาส่วนตัวเหลือในการทบทวนความรู้ เช่น เรื่องmanagementใน hypertensive crisis / ACLS
I. เมื่อเช้าขับรถมาอยู่เวร(วันอาทิตย์)>>> โดนปาดหน้า + roadrage = claimประกัน >>> หงุดหงิดตั้งแต่round caseแรกเลย
I. เมื่อเช้าขับรถมาอยู่เวร(วันอาทิตย์)>>> โดนปาดหน้า + roadrage = claimประกัน >>> หงุดหงิดตั้งแต่round caseแรกเลย
underlying factor 90%>>>
physical stress
psychological stress
social/financial stress
spiritual deprivation
สรุป คือ underlying factors ในแต่ละ "malpractice case" ก็มีมากน้อยต่างกัน และอาจจะฟังดูเป็นข้ออ้างซะมากกว่ารึเปล่า?
ผิดหน่ะผิดจริงๆ>>> แล้วพวกเราเองเห็นใจกันบ้างมั๊ย? ถ้าหากว่าเราเป็นเพื่อนสนิทเค้า อยู่โรงบาลเดียวกัน รู้นิสัยกัน รู้ความเป็นไปของเพื่อนเรา ผมว่าน่าเห็นใจมากกว่านะครับ
[ญาติคนไข้ถามว่า "แล้วไงจะไม่ชดเชยอะไรเลยใช่มั๊ย"]
สรุป คือ underlying factors ในแต่ละ "malpractice case" ก็มีมากน้อยต่างกัน และอาจจะฟังดูเป็นข้ออ้างซะมากกว่ารึเปล่า?
ผิดหน่ะผิดจริงๆ>>> แล้วพวกเราเองเห็นใจกันบ้างมั๊ย? ถ้าหากว่าเราเป็นเพื่อนสนิทเค้า อยู่โรงบาลเดียวกัน รู้นิสัยกัน รู้ความเป็นไปของเพื่อนเรา ผมว่าน่าเห็นใจมากกว่านะครับ
[ญาติคนไข้ถามว่า "แล้วไงจะไม่ชดเชยอะไรเลยใช่มั๊ย"]
malpractice ควรไปจบที่
"เงินชดเชยให้ผู้ที่เสียหายจากการรับบริการทางการแพทย์"
ไม่ใช่ไปจบที่การฟ้องร้อง
ไม่ใช่ไปจบที่ ศาลอาญา
ไม่ใช่จบด้วยการฟ้องแพ่งแบบไม่มีขีดจำกัด
เพื่อให้ระบบบริการสุขภาพไม่แย่และแบกรับ pressure ไปมากกว่านี้
การกล่าวขอโทษผู้ป่วย และ ญาติ + ยอมรับว่าผิดพลาด + ให้เงินชดเชย = น่าจะดีกว่า
เพื่อหลีกเลี่ยงการเติบโตของmedical hub และ defensive medicine (ซึ่งทำให้ระบบบริการสุขภาพแย่ลงเร็วขึ้นโดยภาพรวม)
ผมคิดว่า> 98%(คิดเอาเอง) ของ malpractice case>>> มันต่างจากคดีอาญา ที่มีผู้ได้รับความเสียหาย +เจตนาของจำเลย
หมอในmalpractice case ไม่มีเจตนาโดยตรงจะทำให้เกิด malpractice
(หมอไม่ใช่มือปืน หรือ พวกเมาแล้วขับชนคนตาย)
แต่ถ้าแบบทำเป็นธุรกิจ เช่น ดูดไขมัน ทำแท้ง ฉีดglutathione หรือ คลินิกเสริมความงามแปลกๆแถวดอนเมือง ไร้งี้ก็ฟ้องไปเลย ไม่ต้องไปคำนึงถึงunderlying factorsอื่นๆ